ชีวิตของหนู

               น้องคุณภัทร ศรีบางหรือน้องเพชร ปัจจุบันอายุ 18 เดือน 3 เดือน น้องเพชรเป็นบุตรคนที่ 2 จากจำนวน 3 คนของคุณแม่นิตยา ศรีบาง อายุ 41 ปี ปัจจุบันอยู่บ้านดูแลน้องเพชรเป็นหลักและรับจ้างต่างๆ เพื่อเป็นรายได้เสริม เช่น รับจ้างซักผ้า ล้างจาน เลี้ยงเด็ก แพ็คกระดาษห่อของขวัญ ฯลฯ กับคุณพ่อไวยวุฒิ ศรีบาง อายุ 50 ปี เป็นพนักงานขับรถบริษัทเอกชน มีรายได้เดือนละ 15,000 บาท เลี้ยงดูถึง 5 ชีวิต เนื่องจากคุณแม่ไม่สามารถทำงานได้เพราะต้องดูแลน้องเพชรเต็มเวลา และยังมีน้องคนเล็กอายุ 5 ปี เพิ่งเข้าเรียน ซึ่งเป็นลูกหลงของคุณพ่อคุณแม่ ส่วนลูกคนโตอายุ 20 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 2 ที่ม.สวนสุนันทา ซึ่งลูกอีก 2 คนเป็นเด็กปกติ แข็งแรงสมบูรณ์ดี

               คุณแม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ท้องน้องเพชรนั้น คุณแม่ฝากท้องที่สถานีอนามัยร่มเกล้า ซึ่งก็ไปตรวจตามนัดมาโดยตลอดและไม่เคยได้รับแจ้งว่าน้องมีความผิดปกติใดๆ จนกระทั่งคุณแม่ไปคลอดน้องที่โรงพยาบาลสระแก้ว  เนื่องจากบ้านเดิมของคุณแม่อยู่ที่ฉะเชิงเทรา แต่เป็นอำเภอที่ติดกับจังหวัดสระแก้ว น้องมีน้ำหนักแรกคลอด 3,350 กรัม แต่ตอนคลอดออกมาน้องมีอาการหายใจไม่ค่อยดี จึงต้องเข้าตู้อบ 4-5 วันจึงสามารถออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้ และพอน้องอายุได้ประมาณ 15 วัน ระหว่างที่คุณแม่เดินทางจะพาน้องเพชรกลับไปอยู่บ้านแถวร่มเกล้า กรุงเทพฯ  น้องเพชรกำลังดูดนมอยู่ก็เกิดอาการหายใจไม่ออก คุณแม่จึงรีบพาน้องเพชรส่งโรงพยาบาลนพรัตน์

               ซึ่งคุณหมอที่โรงพยาบาลนพรัตน์ตรวจพบว่าน้องเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดแบบซับซ้อน มีอาการลิ้นหัวใจรั่ว แถมมีอาการหัวใจโต น้องเพชรต้องรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU นานประมาณ 11 วันแล้วถูกส่งไปรักษาตัวต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีหรือโรงพยาบาลเด็ก ซึ่งตอนที่อยู่โรงพยาบาลเด็กนั้นน้องก็ได้ทำการสวนหัวใจ และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเดือนกว่า จึงสามารถกลับบ้านได้ หลังจากนั้นก็ต้องมาตรวจรักษา สลับกับการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเด็กและโรงพยาบาลราชวิถีภายใต้การดูแลของมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กมาโดยตลอด ซึ่งในระหว่างนั้นคุณหมอวางแผนว่าจะทำการผ่าตัดรักษาน้องเพชรก่อนอายุ 3 เดือน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ระหว่างนั้นก็ได้มีการตรวจด้วยการสวนหัวใจอยู่เป็นระยะ ประมาณ 4 ครั้ง จนกระทั่งน้องเพชรได้เข้ารับการผ่าตัดครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548 ที่โรงพยาบาลราชวิถีภายใต้การดูแลของมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก ตอนน้องอายุ 3 ปี ก่อนผ่าตัดนั้น น้องเพชรมีอาการดูดนมได้น้อย เดินไม่ค่อยได้เพราะไม่มีแรง แขนขาลีบ มีอาการเล็บมือเล็บเท้าเขียว หอบ เหนื่อย เล่นนิดหน่อยก็จะอาเจียน พอหลังผ่าตัดน้องมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เล็บมือเล็บเท้าไม่เขียวแล้ว กินได้มากขึ้น เริ่มเล่นได้ เดินได้ และน้องเข้ารับการผ่าตัดครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2549 ครั้งนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่เพื่อแก้ไขความผิดปกติของหัวใจ โดยน้องเพชรเข้าห้องผ่าตัดตั้งแต่เวลา 9.00- 18.00 น. และต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU นานถึง 24 วัน โดยต้องให้ยาเพื่อให้หลับไปนานถึง 18 วัน คุณหมอจึงสามารถลดยาและให้น้องตื่นมาเจอคุณแม่ได้ น้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเดือนกว่าจึงสามารถกลับบ้านได้ ซึ่งคุณหมอได้แจ้งแล้วว่าน้องมีอาการปอดและหัวใจยังไม่ค่อยดี ในช่วงแรกให้ระวังและดูแลให้ดีๆ อย่าให้ท้องผูก น้องสามารถออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ซึ่งมีนัดตรวจติดตามอาการหลังผ่าตัดในวันที่ 30 มีนาคม ซึ่งเย็นวันที่ 29 มีนาคม คุณแม่สังเกตเห็นว่าน้องเริ่มมีอาการไอ แต่คิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้มีนัดจะได้ให้คุณหมอตรวจ แต่พอเช้าวันที่ 30 มีนาคม ก่อนที่จะออกจากบ้านมาตรวจตามนัดนั้น คุณแม่ได้ให้น้องนั่งถ่ายในกระโถนแล้วอยู่ดีๆ น้องก็ช็อตหมดสติไปเลย คุณแม่จึงรีบพาน้องส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ ซึ่งทางโรงพยาบาลนวมินทร์ก็ได้ทำการปั๊มหัวใจให้น้องและคุณหมอได้แจ้งว่ามีโอกาสรอดแค่เพียง 25% เท่านั้นเพราะน้องมีอาการเลือดคลั่งในปอดเป็นจำนวนมาก คุณแม่ได้รีบแจ้งมาทางมูลนิธิฯ ทางมูลนิธิฯ จึงได้ประสานงานส่งรถพยาบาลไปรับตัวน้องจากโรงพยาบาลนวมินทร์เพื่อมารักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี เนื่องจากตอนที่น้องช็อตและหมดสติไปทำให้สมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานานจึงมีผลกระทบกับสมองของน้องทำให้น้องกลายเป็นคนพิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ น้องต้องเจาะคอเพื่อใส่ท่อ หลังจากนั้นอาการน้องก็ยังไม่ดีขึ้น มีอาการตัวบวม มีไข้สูงตลอดเวลา 11 วัน รวมทั้งมีอาการแพ้ยา  และมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด จนกระทั่งคุณหมอได้คุยกับคุณแม่ว่าให้ทำใจถ้าน้องจะไม่อยู่กับคุณแม่แล้ว และจะเริ่มลดการให้ยาต่างๆ   ซึ่งพอเริ่มลดยาต่างๆ น้องเพชรกลับมีอาการดีขึ้น ตัวเริ่มยุบลง ไข้ลดและเริ่มฟื้นตัว น้องเพชรต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถีนานเกือบ 3 เดือนจึงสามารถกลับบ้านได้

               หลังจากนั้นก็ต้องมาตรวจติดตามอาการตามนัดทั้งที่โรงพยาบาลเด็กและโรงพยาบาลราชวิถีมาตลอด จนกระทั่งปีนี้เข้าปีที่ 16 แล้วก็ยังคงต้องมาตรวจตามนัด และในวันที่ 15 มกราคม 2563 นี้คุณหมอได้ทำการผ่าตัดเล็กเพื่อเปลี่ยนท่อที่ใส่อยู่ที่คอน้องให้เนื่องจากท่อเดิมใส่มาตั้งแต่น้องอายุ 4 ปี ตอนนี้น้องโตแล้วขนาดท่อจึงเล็กเกินไป จึงต้องเปลี่ยนท่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นตามตัวน้อง

               ปัจจุบันคุณแม่มักจะรับจ้างหรือรับงานต่างๆ ที่สามารถนำมาทำที่บ้านได้ ซึ่งจะทำในช่วงเวลาที่น้องหลับหรือว่างจากการดูแลน้องและลูกคนเล็กแล้ว เพื่อจะได้ช่วยคุณพ่อหารายได้ เนื่องจากคุณพ่อต้องทำงานหารายได้เพียงคนเดียวเป็นเสาหลักของบ้าน โดยตอนกลางวันทำงานเป็นคนขับรถบริษัท พอเลิกงานก็มาขับแท็กซี่เป็นงานเสริม

               ซึ่งการดูแลน้องเพชรนั้นค่อนข้างลำบากเพราะน้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย คุณแม่ต้องดูแลทุกอย่าง ทั้งต้องปั่นอาหารเหลวเองก่อนให้อาหารทางสายยางแก่น้อง ไหนจะต้องคอยพลิกตัวเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ ต้องอาบน้ำเช็ดตัวให้น้อง  ซึ่งน้องผอมมากคุณหมอก็บอกให้คุณแม่บำรุงน้องให้ดีๆ แต่ค่าใช้จ่ายในการดูแลน้องก็สูง ลูกคนโตก็เรียนอยู่ ลูกคนสุดท้องก็ยังเล็ก จนบางครั้งถ้าเอานมผงมาปั่นเป็นอาหารให้น้องเพชร ลูกคนเล็กก็ต้องอด ถ้าเอานมไปชงให้ลูกคนเล็ก วันนั้นอาหารปั่นของน้องเพชรก็ไม่มีนมผงเป็นส่วนประกอบ แต่คุณแม่บอกว่ายังไงก็จะสู้จะไม่ทิ้งน้องเพชร จะดูแลน้องเพชรให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่อไป