ชีวิตของหนู

น้องพิชชากร พิรัตน์ เป็นบุตรของคุณแม่สุภารัตน์ รัตนพงษ์ ซึ่งคุณแม่เป็นครูอยู่ที่โรงเรียนบ้านบางเทา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต คุณแม่สุภารัตน์ได้เล่าให้ฟังว่า ทราบว่าน้องเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดเนื่องจากตอนน้องอายุประมาณ 2 ปีคุณแม่ได้พาน้องไปฉีดวัคซีน ซึ่งคุณหมอเด็กที่ตรวจน้องได้สังเกตว่าน้องมีเสียงหายใจแปลกๆ ผิดปกติ จึงได้ให้น้องไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งผลการตรวจปรากฏว่าน้องมีผนังหัวใจรั่วอยู่หลายรูและคุณหมอนครินทร์ได้ทำการตรวจเอคโค่ให้น้อง คุณหมอบอกว่าด้วยน้องยังเด็กให้รอดูน้องโตกว่านี้ก่อนว่ารูรั่วนั้นจะสามารถปิดเองได้หรือไม่ ซึ่งพอน้องอายุได้ประมาณ 7 ปี คุณแม่จึงได้พาน้องไปตรวจเอคโค่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคุณหมอแจ้งว่ารูรั่วในหัวใจน้องยังไม่ปิดและจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษา ซึ่งคุณหมอแนะนำให้เลือกทำการผ่าตัดแบบส่องกล้องและได้ส่งตัวน้องไปที่โรงพยาบาลมอ. หาดใหญ่และเมื่อวันที่ผ่าตัด คุณหมอได้ออกมาบอกคุณแม่ว่า การผ่าตัดของน้องมีปัญหาทำให้ไม่สามารถปิดหัวใจได้เนื่องจากห้องหัวใจของน้องไม่ตรงกัน หากใส่เครื่องมือก็อาจมีความเสี่ยงที่จะหลุดและเข้าไปที่ปอดได้ ซึ่งจะอันตรายถึงชีวิต คุณหมอจึงได้ยุติการผ่าตัดครั้งนี้ก่อน

               คุณแม่ได้นำผลการรักษากลับมาปรึกษากับคุณหมอนครินทร์ที่ภูเก็ต คุณหมอจึงแนะนำว่าจะทำเรื่องส่งตัวน้องไปผ่าตัดแบบเปิดหน้าอกที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯให้ แม่จะยอมไปไหม ซึ่งตอนที่ฟังครั้งแรกแม่ก็กลัวมากเพราะการผ่าตัดเปิดหน้าอกมันเป็นการผ่าตัดใหญ่ ความเสี่ยงก็ต้องสูงกว่าเดิม แต่ในที่สุดหลังจากหาข้อมูลต่างๆ แล้ว คุณแม่จึงได้ตัดสินใจยอมพาน้องไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลราชวิถี

               เมื่อมาที่โรงพยาบาลราชวิถีได้เจอคุณหมอชูศักดิ์ คุณหมอได้คุยความเสี่ยงและได้แจ้งว่าหากมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากสิทธิ์ที่คุณแม่จะเบิกได้ ไม่ต้องกังวลใจไปเพราะมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กจะมาช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนเกินนี้ให้

               เมื่อถึงวันผ่าตัดคุณแม่ก็ไปนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดด้วยความกังวลใจเพราะกลัวว่าจะเจอเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับน้องอีก แต่คุณหมอก็ได้ออกมาบอกว่า “เรียบร้อยแล้วนะคุณแม่ หมอปิดรูรั่วทั้ง 2 รูให้แล้ว น้องปลอดภัยแล้วน้องต้องอยู่ห้อง แล้วเดี๋ยวจะให้เข้าเยี่ยมนะ” น้ำตาแม่ไหลเลยหลังฟังว่าลูกปลอดภัยแล้ว หลังจากการผ่าตัดน้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 6 วันก็สามารถกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้

               คุณแม่รู้สึกดีใจมากๆ เพราะต่อไปนี้น้องจะสามารถมีชีวิตได้เหมือนเด็กปกติคนอื่นๆ ทั่วไป