ชีวิตของหนู

               ด.ช.ศุภณัฐ บุตรเอก อายุ 11 ปี เป็นบุตรของคุณแม่เจริญศรี บุตรเอก อายุ 37 ปี คุณแม่มีลูก 2 คน คนโตอายุ 14 ปี เป็นเด็กปกติดี ร่างกายแข็งแรง ส่วนน้องศุภณัฐหรือน้องเต่าเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดมีรูรั่วที่ผนังหัวใจห้องล่าง (VSD)             คุณยายเล่าว่าคุณแม่ได้แยกทางกับคุณพ่อตั้งแต่ตอนน้องเต่าอยู่ในท้องตอนประมาณ 7 เดือน จึงกลับไปอาศัยอยู่กับคุณยายที่อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว และคุณแม่มีอาการสติไม่ค่อยดี จึงไม่สามารถทำงานได้ ส่วนตัวคุณยายทำอาชีพรับจ้างทั่วไปมีรายได้เพียงวันละ 200 บาท แต่ต้องเลี้ยงถึง 4 ชีวิต คือตัวเอง คุณแม่ของน้อง หลายชายคนโตและน้องเต่า ถึงป่วยก็ต้องออกไปทำงาน ไม่งั้นก็ไม่มีกิน แต่คุณยายก็สู้ไม่ถอย

               ตอนท้องน้องเต่าคุณแม่ฝากท้องและคลอดที่โรงพยาบาลอรัญประเทศ พอน้องอายุได้ประมาณ 1 ปี น้องป่วยจึงได้พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลตาพระยา คุณหมอบอกว่าน้องเป็นโรคปอด ก็รักษาตัวไป จนคุณยายย้ายไปทำงานรับจ้างเฝ้าบ้านอยู่ที่เขาใหญ่ แต่พอน้องเต่าไม่สบายเลยพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลปากช่อง ซึ่งทางคุณหมอที่โรงพยาบาลปากช่องแจ้งว่าน้องเต่าเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดแบบมีรูรั่ว จึงได้แนะนำให้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบลต้นสังกัด คุณยายจึงได้พาน้องเต่าเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลสระแก้ว พอคุณหมอที่โรงพยาบาลสระแก้วตรวจน้องก็ให้น้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบลเลย ซึ่งน้องเต่านอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 3 เดือน จึงสามารถออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้ ซึ่งระหว่างนั้นทางคุณหมอของโรงพยาบาลสระแก้วก็ได้ติดต่อส่งเรื่องให้น้องมาทำการรักษากับมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กได้ติดต่อกลับไปให้พาน้องมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีช่วงต้นปี 2560 และติดตามอาการเรื่อยมาจนกระทั่งได้เข้ารับการผ่าตัดเมื่อวันที่  14 ตุลาคม 2560

               น้องเต่านอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 2 อาทิตย์ก็สามารถกลับบ้านได้ หลังการผ่าตัด คุณยายบอกว่าน้องซนขึ้นมากๆ ดื้อมากขึ้น กินอะไรได้มากขึ้น กินเยอะขึ้นจนน้ำหนักตัวขึ้นเยอะกว่าเดิม ซึ่งผิดจากช่วงก่อนผ่าตัดมากเพราะก่อนผ่าตัดนั้น น้องจะผอม น้ำหนักน้อย กินก็น้อย ป่วยบ่อยๆ และป่วยครั้งละนานๆ

               ขณะนี้น้องเรียนอยู่ที่โรงเรียนโคคลาน ต.ตาพระยา จ.สระแก้ว อยู่ชั้นป.4 แต่ขณะนี้น้องยังไม่ได้กลับไปเรียนหนังสือเนื่องจากคุณครูมีจำนวนน้อยจึงไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง เนื่องจากน้องชอบเดินออกนอกห้องเรียน จึงให้น้องหยุดเรียนชั่วคราวไปก่อน ซึ่งตอนนี้น้องก็ยังคงจะต้องมาทำการตรวจติดตามอาการกับคุณหมอตามนัด โดยในการเดินทางมาตรวจในแต่ละครั้งค่อยข้างลำบากเนื่องจากบ้านคุณยายอยู่ที่ตาพระยา เวลามาคือต้องนั่งรถสองแถวจากตาพระยามาที่อรัญประเทศ แล้วก็ต่อรถไฟจากอรัญประเทศเข้ามาที่กรุงเทพฯ ซึ่งวันไหนต้องพาน้องเข้ามาตรวจวันนั้นคุณยายก็จะต้องหยุดงานมา ก็จะทำให้ขาดรายได้ บางครั้งก็จำเป็นจะต้องไปกู้เงินเพื่อมาเป็นค่าเดินทางและค่ารักษาของน้อง และน้องเต่าบอกว่าโตขึ้นอยากจะทำงานมีรายได้มาช่วยคุณยาย