ชีวิตของหนู

เด็กชายปกรณ์ เรืองศรี หรือน้องพ่อรับ  เกิดที่โรงพยาบาลศรีประจันต์ พอเกิดมาคุณหมอที่โรงพยาบาลศรีประจันต์ก็บอกว่าน้องอาจจะเป็นโรคหัวใจ เพราะน้องมีอาการเล็บมือ เล็บเท้าเขียว ซึ่งทางคุณหมอได้แนะนำให้ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเด็กหรือสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีต่อไป พอน้องอายุได้ 3 สัปดาห์ก็ได้พาน้องมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเด็ก เนื่องจากน้องเวลาร้องไห้จะมีอาการหอบ เหนื่อยง่าย  ดูดนมได้น้อย

พอคุณหมอที่โรงพยาบาลเด็กตรวจดูก็บอกว่าน้องเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แบบเส้นเลือดหัวใจสลับขั้วกัน ซึ่งต้องรีบทำการผ่าตัดรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากตอนนี้น้องเริ่มมีอาการตัวเขียว โดยคุณหมอแจ้งว่าจะต้องทำบอลลูนให้น้องก่อนเพื่อให้น้องไม่เกิดอาการหายใจหอบ เหนื่อยง่าย โดยจะให้นอนที่โรงพยาบาลเด็กในวันนั้นเลย  ประมาณ อีก 3 วันจะทำการผ่าตัดทำบอลลูนให้น้อง แต่คุณพ่อและคุณแม่ทำใจไม่ได้เพราะน้องเป็นลูกคนแรก จึงขอเอาน้องกลับบ้านเพื่อไปปรึกษากับครอบครัวก่อนว่าจะทำการรักษาน้องอย่างไรต่อไปดี  ซึ่งคุณหมอก็เข้าใจ จึงอนุญาตให้พาน้องกลับบ้านและนัดมาตรวจอาการทุกสัปดาห์

แต่พอพาน้องกลับไปอยู่บ้านได้ไม่นาน สัปดาห์ต่อมาก็มาตรวจอีกครั้ง คุณหมอแจ้งว่าจะต้องทำบอลลูนให้น้องโดยเร็วเพราะน้องเริ่มมีอาการหนักขึ้น จึงต้องนอนโรงพยาบาลเด็กในวันนั้นเลย และน้องได้ทำการผ่าตัดทำบอลลูนเมื่ออายุได้ประมาณ 1 เดือน หลังจากทำการผ่าตัดน้องก็มีอาการดีขึ้น เริ่มหายใจได้ดี ไม่เหนื่อยหอบง่ายเหมือนอย่างเดิม แต่คุณหมอก็แจ้งว่าหากจะให้น้องหายขาดจากโรคนั้น มีวิธีการรักษาเพียงอย่างเดียวคือการผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งทางโรงพยาบาลเด็กจะส่งตัวมาทำการผ่าตัดที่มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี คุณพ่อและคุณแม่ก็ยังกลัวๆ ยังทำใจกันไม่ได้  แต่ก็ได้มาพบและทำการตรวจรักษากับคุณหมอพีระพัฒน์ จนกระทั่งได้นัดทำการผ่าตัดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2552 แต่ก็ต้องเลื่อนการผ่าตัดออกไป เนื่องจากว่าเตียงที่ห้อง ICU มีคนไข้เต็ม  รวมทั้งเลือดที่น้องต้องใช้ในการผ่าตัดก็ขาดแคลน จึงต้องเลื่อนการผ่าตัดของน้องออกไป ซึ่งก็ได้นัดทำการผ่าตัดใหม่อีกครั้งในวันที่ 20 เมษายน 2552  โดยน้องต้องมานอนโรงพยาบาลก่อนตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2552 เพื่อเตรียมความพร้อมและตรวจเช็คร่างกายต่างๆ ก่อนทำการผ่าตัด

น้องเข้าไปทำการผ่าตัดตั้งแต่ 9.00 น. ออกมาเวลา 18.00 น.  ซึ่งระหว่างนั้น คุณพ่อ คุณแม่ก็ได้แต่นั่งเฝ้ารออยู่หน้าห้องผ่าตัด ไม่กล้าไปไหนเลย  พอน้องออกมาจากห้องผ่าตัด คุณหมอก็บอกว่าน้องยัง 50: 50 อยู่นะครับ แต่ถ้าเมื่อไร น้องออกจากห้อง ICU ได้ก็จะปลอดภัย เนื่องจากยิ่งน้องอายุน้อง โอกาสติดเชื้อก็จะสูงกว่าผู้ใหญ่

น้องอยู่ห้อง ICU ทั้งหมด 9 วัน เป็นเวลาที่ยาวนานมาสำหรับการรอคอยของพ่อ-แม่   แต่เมื่อน้องสามารถออกมาอยู่ที่วอร์ดศัลยกรรมหัวใจได้ ทั้งพ่อและแม่ก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก รู้สึกดีใจว่าน้องจะหายแล้ว และสิ่งที่สำคัญคือ คิดว่าตนเองตัดสินใจถูกที่นำน้องเข้ามารับการรักษาด้วยการผ่าตัดในครั้งนี้ เพราะหากน้องไม่ได้รับการผ่าตัด คุณหมอเคยแจ้งว่า น้องก็จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน แต่พอน้องได้รับการผ่าตัดแล้ว รู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเลยว่าน้องอาการดีขึ้นมา ตัวเริ่มแดง มีเลือดฝาดดี ดูดนมได้มากขึ้น เวลาร้องไห้ก็ไม่มีอาการเหนื่อยหรือหอบอีกเลย

ซึ่งก็รู้สึกขอบคุณคุณหมอและพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กที่ได้ช่วยรักษาชีวิตน้องไว้ เพราะหากไม่มีทางมูลนิธิฯ ทางคุณพ่อและคุณแม่ก็จนปัญญาที่จะหาทางหาเงินมาเพื่อจ่ายค่ารักษาและค่าผ่าตัดน้อง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดในครั้งนี้สูงมาก เป็นหลักแสน ซึ่งทางบ้านมีฐานะปานกลาง คุณแม่ก็ขายของชำอยู่บ้าน ส่วนคุณพ่อก็ทำนา ซึ่งก็มีรายได้พอที่จะเลี้ยงตัวเองและครอบครัวเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีรายได้มากมายอะไร  ขอขอบคุณมูลนิธิฯ มากที่ได้ช่วยให้น้องสามารถจะเติบโตและมีชีวิตได้เหมือนเด็กปกติคนอื่นๆ