ด.ญ.รัตนพร เป็นบุตรของนายสมชาย มงคน อายุ 25 ปีและน.ส.หล้าน้อย วัฒนพร อายุ 21 ปี ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นชาวลาวที่เป็นแรงงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานให้ประเทศไทย โดยคุณพ่อสมชายเข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทยมาประมาณ 6-7 ปีมาแล้ว และคุณแม่ก็ได้มาทำงานในประเทศไทย จนกระทั่งตั้งครรภ์และคลอดน้องรัตนพรที่โรงพยาบาลไทรน้อย ซึ่งคุณแม่ก็ได้ทำการฝากครรภ์และมีการตรวจรักษาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่คุณหมอก็แจ้งว่าน้องปกติดี จนคลอดน้องแล้วคุณแม่ก็ได้พาน้องกลับไปเลี้ยงดูที่บ้านในประเทศลาว
จนกระทั่งน้องอายุได้ประมาณ 3-4 เดือน เริ่มมีอาการไม่สบาย ร้องไห้ไม่หยุด ไอและอ้วก พอพาน้องไปหาหมอทางคุณหมอที่ลาวแจ้งว่าน้องมีอาการปอดบวม และรู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดปกติ เลยส่งตัวน้องไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลโรคหัวใจ ซึ่งก็ตรวจพบว่าน้องเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แต่ก็ไม่ได้ให้ยาอะไร และนัดตรวจทุก 3 เดือน
ทางคุณพ่อที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยเลยอยากให้ลองพาน้องเข้ามารักษาที่ประเทศไทยดู เนื่องจากทางประเทศไทยมีเทคโนโลยีและความก้าวหน้าทางการแพทย์มากกว่า จึงได้พาน้องมาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
ซึ่งทางคุณหมอก็แจ้งว่าน้องจะต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัด แต่ก็ต้องรอคิวผ่าตัดและค่ารักษาในการผ่าตัดค่อนข้างสูงมาก โดยระหว่างที่รอคิวผ่าตัดนั้นทางคุณหมอก็ได้ให้ยาไปทานและนัดมาตรวจเพื่อติดตามอาการทุกเดือน แต่คุณพ่อกลัวน้องจะอาการหนักและมีคนแนะนำ จึงลองพาไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อไปถึงน้องมีอาการไม่สบาย น้ำท่วมปอด ทางโรงพยาบาลศิริราชก็ทำการรักษาอาการน้ำท่วมปอดจนหาย แต่เรื่องผ่าตัดนั้นก็ต้องรอคิวเช่นเดียวกัน ซึ่งทางคุณหมอแจ้งว่าน่าจะต้องรอคิวผ่าตัดประมาณ 1 ปี และระหว่างนี้น้องก็มีอาการป่วยบ่อยๆ น้ำหนักตัวไม่ขึ้น เหนื่อย หอบ คุณหมอทางโรงพยาบาลศิริราชจึงเขียนจดหมายถึงคุณหมอวรกานต์ของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เพื่อให้ช่วยเร่งคิวผ่าตัด ซึ่งคุณหมอก็ได้ติดต่อมาที่มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กเพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องการผ่าตัดและค่าใช้จ่ายต่างๆ
ซึ่งทางมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กได้เข้ามาช่วยเหลือให้ได้รับการผ่าตัดหัวใจ โดยใช้เวลารอคิวผ่าตัดประมาณ 3 เดือน รวมทั้งยังช่วยรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมด
ซึ่งทางคุณพ่อและคุณแม่ก็รู้ศึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ ก็ไม่รู้ว่าน้องจะเป็นอย่างไร เมื่อไรจะได้รับการผ่าตัดและค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดก็สูงมาก ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน หลังการผ่าตัดก็หวังว่าลูกจะหายเป็นเหมือนเด็กปกติโดยเร็ววัน จะได้กลับไปอยู่กันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวโดยเร็ว