ชีวิตของหนู

คุณแม่เล่าว่าตอนท้องน้องก็ฝากท้องปกติ คุณหมอก็ไม่ได้ตรวจพบความผิดปกติใดๆ  คุณแม่ฝากท้องที่โรงพยาบาลเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี จนครบอายุครรภ์ 9 เดือนก็คลอดน้องเติ้ลออกมาปกติดี น้ำหนัก 3500 กรัม  แต่พอนำตัวน้องไปอาบน้ำก็พบว่าน้องร้องไห้แล้วจะมีอาการตัวเขียว ทางคุณหมอจึงให้น้องเข้าตู้อบ 1 คืนแล้วทำเรื่องส่งตัวน้องไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี  ทางคุณหมอที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ตรวจพบว่าน้องเป็นโรคหัวใจตีบต้องรักษาด้วยการผ่าตัด จึงได้ทำเรื่องส่งตัวมารักษาต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีหรือโรงพยาบาลเด็ก ซึ่งก็ได้มาตรวจรักษาตัวอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งน้องอายุได้ประมาณ 6 ปีก็เลิกมาตรวจ เนื่องจากคุณแม่ได้เลิกรากับคุณพ่อของน้อง ประกอบกับมีปัญหาทางด้านการเงินจึงไม่มีเงินมากพอสำหรับที่จะใช้จ่ายเป็นค่าเดินทางพาน้องมาหาหมอที่กรุงเทพฯ

             ช่วงที่ขาดการรักษาน้องก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้แต่จะมีอาการเหนื่อยง่าย เดินไกลหน่อยก็จะมีอาการตัวเขียว แต่ยังสามารถไปเรียนหนังสือได้ แต่เนื่องจากน้องเป็นเด็กพิเศษคือน้องมีพัฒนาการล่าช้ากว่าอายุจริงๆ ซึ่งทางคุณแม่เพิ่งจะมาทราบเนื่องจากให้น้องเข้าเรียนป.1 ที่โรงเรียนดงยาง ที่จังหวัดอุบลราชธานี พอเรียนถึงชั้นป.2 ทางโรงเรียนเรียกผู้ปกครองพบและแนะนำให้พาน้องไปเรียนที่โรงเรียนปัญญานุกูล ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษโดยเฉพาะ

            คุณแม่จึงได้พาน้องไปเรียนที่โรงเรียนปัญญานุกูล ก็ไปเข้าเรียน ป1ใหม่ จนกระทั่งเรียนถึงชั้น ป.3 ก็ต้องให้น้องเลิกเรียน เนื่องจากน้องมีอาการป่วยบ่อยมาก  เป็นหวัดบ่อยและนาน คุณแม่จึงให้น้องหยุดเรียน ซึ่งพอให้น้องออกจากโรงเรียนก็ได้ส่งน้องไปอยู่ในความดูแลของคุณพ่อกับคุณย่าของน้องที่บ้านคุณพ่อ จนกระทั่งน้องอายุได้ 14 ปี น้องป่วยเป็นไข้เลือดออก ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์  ทางโรงพยาบาลจึงได้ส่งตัวน้องมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเด็กเพื่อให้น้องได้ทำการผ่าตัดรักษาอาการของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ซึ่งก็ได้ทำการตรวจรักษามาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้นัดทำการผ่าตัดในวันที่  มิถุนายน 2559

            ปัจจุบันคุณแม่ทำงานที่ร้านขายเสื้อผ้าที่ศรีสะเกษมีรายได้เดือนละ 5,000 บาท และคุณแม่ได้มีครอบครัวใหม่แล้วแต่ยังคงกลับมาหาน้องเติ้ลและน้องตั้นที่อุบลราชธานีทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนตัวน้องเติ้ลอาศัยอยู่กับคุณพ่อและคุณย่าที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยคุณพ่อประกอบอาชีพเป็นช่างซ่อมรถยนต์ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท