ชีวิตของหนู

“คุณพ่อครับ หมออยากให้คุณพ่อทำใจครับ  ” คำพูดนี้ผมจะไม่มีวันลืม ไม่ใช่ว่าเป็นคำพูดที่ไม่ดี แต่เป็นคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น เป็นคำพูดที่เปลี่ยนชีวิตของผมไปทั้งชีวิต จะให้ผมทำอะไรก็ยอม จะให้กินอะไรก็ยอมเพื่อให้    “หนูดี”    ลูกสาวของผมดีขึ้น
        “หนูดี”  ด.ญ. ธนวรรณ  เลิศฐิติตระกูล เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 หลังจากเกิดมาได้  2 วัน ก็พบว่าเป็นโรคผนังหัวใจรั่วตั่งแต่กำเนิดชนิดตัวไม่เขียว และเส้นเลือดไปปอดตีบ ทำให้เหนื่อยง่ายเวลาดูดนม ช่วงแรกก็ให้หมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งทำการรักษาโดยการทานยา ซึ่งตัวของผมเองก็ไม่คิดว่าหนูดีจะเป็นอะไรมากเพราะน้ำหนักเพิ่มตามเกณฑ์ที่หมอตามดู  จนเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2551 ได้ทำการ Echo หัวใจพบว่า ผนังหัวใจที่รั่วไม่ดีขึ้นเลย
วันนั้นผมรู้สึกโกรธและเป็นห่วงลูกมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร เหมือนคนไม่มีสติ จนเมื่อได้มาพบหมอที่โรงพยาบาลเด็ก วันที่ 19 ธันวาคม 2551  คุณหมอทำการ Echo อยู่นานมาก คุณหมอแจ้งให้ทราบว่า หัวใจของน้องหนูดีเป็นหนักมากครับ ผนังหัวใจห้องล่าง แทบไม่มีเลย เหมือนกับมีหัวใจแค่ 3 ห้อง เส้นเลือดไปปอดตีบมาก ต้องรีบประชุมเพื่อทำการผ่าตัดที่มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี
      ผมและครอบครัวรอวันที่หมอนัดอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเป็นห่วงลูกมากจนหนูดีได้ทำการผ่าตัดวันแรกวันที่ 19 มกราคม 2552 ตอนที่มีอายุแค่ 4 เดือน 24 วัน จากผ่าตัดเสร็จได้ด้วยดี ในช่วงเช้า แต่ในช่วงเวลา ประมาณ 6 โมงเย็น ทางคุณหมอโทรมาแจ้งให้ทราบว่า การผ่าตัดในช่วงเช้าส่งผลไม่ดี ต้องทำการผ่าตัดใหม่ในช่วงเย็นวันนั้นเลย 
            ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2552 หนูดีต้องนอนหลับตลอด สายยาง ท่อต่างๆ อยู่เต็มตัวหนูดี  ผมสงสารลูกมาก ผมอยากได้ยินเสียงลูก อยากเห็นแววตาของเขา กลุ้มใจมาก เครียดมาก
ร้องไห้ทุกคืน กับคนในครอบครัว
            จนวันที่ 26 มกราคม 2552 คุณหมอตัดสินใจผ่าตัดครั้งที่  3  โดยคุณหมอบอกกับผมว่า 50/50นะคุณพ่อ แต่เราต้องผ่าตัดเข้าไปดูเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง การผ่าตัดเริ่มขึ้นตั้งแต่ 9.00 เป็นการผ่าตัดที่ใช้เวลานานมาก ผมสวดมนต์ภาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลาให้คุ้มครองหนูดี จนกระทั้ง ประมาณ 2 ทุ่ม คุณหมอออกมาแจ้งว่าการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี  คุณหมอได้ซ่อมแซมให้ทั้งหมดหัวใจมีครบทั้ง 4 ห้อง เป็นปกติ เหมือนปาฏิหาริย์  ผมและครอบครัวดีใจมาก
            วันที่ 29 มกราคม 2552 ตี 5 คุณหมอโทรมาแจ้งว่า หนูดีหัวใจหยุดเต้นกำลังทำการช่วยชีวิตอยู่ “เกิดอะไรขึ้นกับลูกของผม”  “เอาชีวิตผมไปแทนได้มั้ย ” , “คุณหมอช่วยลูกผมด้วย” ความคิดทุกอย่างผุดขึ้นมามากมาย ภาพของลูกตั้งแต่แรกเกิด ภาพที่ผมอุ้มเขาเล่นกับเขาอาบน้ำให้ จนวินาทีที่ผมเป็นคนอุ้มเขาเข้าห้องผ่าตัด มันถาโถมเข้ามา มันช่างเจ็บปวดเหลือเกินเหมือนตกนรกทั้งเป็น
            ผมไปถึงโรงพยาบาล ประมาณ 6 โมงเช้า เห็นคุณหมอนั่งอยู่ข้างเตียงหนูดี แล้วเข้ามาหาผมนำแอลกอฮอล์ มาให้ผมเช็ดมือ ให้ไปลูบหัวลูก แล้วพูดกับผมว่า “หัวใจของหนูดีกลับมาทำงานปกติแล้วนะ แต่มีภาวการณ์ติดเชื้อที่ปอดมากและภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดด้วย ซึ่งหมอคิดว่าหนักมากๆ สำหรับหนูดี  คุณพ่อครับหมออยากให้คุณพ่อทำใจนะ แต่ทีมหมอทำดีที่สุดและ หมอยังทำเต็มที่ยังสู้ต่อทุกคนต้องช่วยกันภาวนา” 

            ผมทำอะไรไม่ถูกเลย แต่จากคำพูดที่หมอบอก ผมมองหน้าลูก เขายังหายใจอยู่ คุณหมอและพยาบาลทุกคนยังสู้อยู่ ผมและครอบครัวยังมีความหวัง 

            และแล้วในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 8.00 น เป็นวันที่คุณหมอให้ฟื้นจากการนอนหลับ ผมเข้าไปหาหนูดีเขาจับนิ้วผมแน่น หน้าตาผมไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวมันเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก “ลูกของผมรอดแล้ว เขากลับมาเป็นลูกผมแล้ว”
            ตั้งแต่วันนั้นมาหนูดีดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วและออกจากโรงพยาบาลให้มาพักฟื้นที่บ้าน ในวันที่ 18 มีนาคม 2552 เป็นเวลา 3 เดือนเต็ม ที่ผมอยากจะขอบคุณ ทุกๆ คนที่ช่วย “หนูดี”
ผมและครอบครัวขอขอบคุณคุณหมอธนะรัตน์ คุณหมอชูศักดิ์ คุณหมอพิเชษฐ์ คุณหมอนพพรคุณหมอขวัญใจและทีมหมอจากจุฬาทุกคน  พี่พยาบาลทุกคนที่ได้ช่วยดูแลหนูดี พี่สุ พี่หมวย พี่จุ๋ม พี่ดา พี่ภาณิต  และพี่พยาบาลทุกคน  โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง คุณหมอพีระพัฒน์  หมอเทวดาของเด็กทุกคน ทุกครั้งที่คุณหมอบอกให้ผมและครอบครัวว่าให้ ทำใจ แต่สิ่งที่ผมเห็นและรู้มาคือคุณหมอทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจมาก หากผมและครอบครัวไม่พบคุณหมอและมูลนิธิโรคหัวใจชีวิตของหนูดีและครอบครัวผมคงไม่มีวันนี้